Table of contents
1. Greeting and introduce : การทักทายและการแนะนำตัวเอง
3. Good bye : ลาก่อน 5. Where do you study? : คุณเรียนอยู่ที่ไหน 7. What is your favorite sport? : กีฬาที่ชื่นชอบของคุณคืออะไร 9. What do you do? : คุณทำงานอะไร 11. May I go to the restroom? : ฉันขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำ 13. Can you say that again? : พูดใหม่อีกรอบได้ไหม 15. What are you going to eat for lunch? : ตอนเที่ยงคุณจะกินอะไร |
2. Where are you from? : คุณมาจากที่ไหน
4. Nice to see you again. : ดีใจที่ได้เจอคุณอีกครั้ง 6. What kind of fruit do you like? : คุณชอบผลไม้ชนิดอะไร 8. What animal do you like? : คุณชอบสัตว์อะไร 10. What time is it? : ตอนนี้เป็นเวลากี่โมง 12. How much is this? : อันนี้ราคาเท่าไหร่ 14. Where is the library? : ห้องสมุดอยู่ที่ไหน 16. What kind of music do you like? : คุณชอบดนตรีแนวไหน |
16. What kind of music do you like? : คุณชอบดนตรีแนวไหน
ถ้าน้องๆต้องการถามเพื่อนว่าชอบดนตรีชนิดไหน สามารถถามได้ดังนี้
A : What kind of music do you like? (ว้อท ไคน ออฟ มิวสิค ดู ยู ไลค์) คุณชอบดนตรีแนวไหน B : My favourite is Pop. (มาย เฟเวอเรท อีส ป๊อป) แนวเพลงที่ฉันชื่อชอบคือป๊อป A : Cool! My younger brother also like Pop. (คูล! มาย ยังเกอร์ บราเทอร์ ออลโซ ไลค์ ป๊อป) เจ๋ง! น้องชายของฉันก็ชอบป๊อปเหมือนกัน B : Really? What about you? (เรียลลี้? ว้อท อะบาว ยู) จริงเหรอ แล้วคุณล่ะ A : I like Rock the most. (ไอ ไลค์ ร็อค เดอะ โมส) ฉันชอบร็อคที่สุด ถ้าน้องๆอยากบอกชนิดดนตรี สามารถพูดได้ดังนี้ค่ะ
|
15. What are you going to eat for lunch? : ตอนเที่ยงคุณจะกินอะไร
ถ้าน้องๆต้องการถามเพื่อนว่าจะกินอะไร สามารถถามได้ดังนี้ค่ะ
A : What are you going to eat for lunch? (ว้อท อาร์ ยู โกอิ้ง ทู อีท ฟอร์ ลัช) ตอนเที่ยงคุณจะกินอะไร B : I want to eat chicken. How about you? (ไอ ว้อน ทู อีท ชิกเก้น. ฮาว อะบาว ยู) ฉันอยากกินไก่ แล้วเธอล่ะ A : I prefer pork to chicken. (ไอ พรีเฟอร์ พอร์ค ทู ชิกเก้น) ฉันชอบหมูมากกว่าไก่ B : Where do you usually go for lunch? (แวร์ ดู ยู ยูชลี่ โก ฟอร์ ลัช) ส่วนมากคุณไปกินข้าวเที่ยงที่ไหน A : I usually go to the restaurant near our school. Do you want to join me? (ไอ ยูชลี่ โก ทู เดอะ เรสเทอรอน เนียร์ อาว สกูล. ดู ยู ว้อน ทู จอย มี) ส่วนมากฉันไปกินข้าวที่ร้านอาหารใกล้โรงเรียนของเรา คุณอยากมาด้วยกันไหม B : Absolutely! Catch you later. (แอ๊บโซลูทลี่! แคช ยู เลเทอร์) แน่นอน! ไว้คุยกันนะ ถ้าน้องๆอยากบอกรสชาดอาหาร สามารถพูดได้ดังนี้ค่ะ
|
14. Where is the library? : ห้องสมุดอยู่ที่ไหน
ถ้าน้องๆต้องการถามทาง หรือบอกทิศทาง สามารถถามและตอบได้ดังนี้ค่ะ
A : Where is the library? (แวร์ อีส เดอะ ไลบรารี่) ห้องสมุดอยู่ที่ไหน B : It is that way. (อิท อีส แดท เวย์) มันอยู่ทางนั้น A : Thank you very much (แธงค์ คิว เวรี่ มัช) ขอบคุณมากค่ะ B : My pleasure. (ยัวร์ เวลคัม) ยินดีค่ะ ถ้าน้องต้องการถามทาง สามารถใช้ประโยคอื่นๆได้ เช่น Does this road go to the library? (ดาส ดิส โร้ท โก ทู เดอะ ไลบรารี่) Do you know the way to the library? (ดู ยู โนว เดอะ เวย์ ทู เดอะ ไลบรารี่) Is this the way to the library? (อีส ดิส เดอะ เวย์ ทู เดอะ ไลบรารี่) How can I get/go to the library? (ฮาว แคน ไอ เก็ต/โก ทู เดอะ ไลบรารี่) Which way is the library, please? (วิช เวย์ อีส เดอะ ไลบรารี่, พลีส) Can you give me the direction to the library? (แคน ยู กีฟ มี เดอะ ไดเร็คชั่น ทู เดอะ ไลบรารี่) ถ้าน้องต้องการบอกทิศทาง สามารถใช้คำเหล่านี้อธิบายได้ เช่น
|
13. Can you say that again? : พูดใหม่อีกรอบได้ไหม
ถ้าน้องๆต้องการให้เพื่อนพูดใหม่อีกครั้ง สามารถถามได้ดังนี้ค่ะ
A : Do you mind if I borrow your pencil? (ดู ยู มาย อีฟ ไอ บอโรล ยัว เพ็นซิล) จะเป็นอะไรไหมถ้าฉันจะขอยืมดินสอของเธอหน่อย B : I cannot hear you. Can you say it again? (ไอ แคนน็อต เฮีย ยู. แคน ยู เซย์ อิท อะเกน) ฉันไม่ได้ยินเลย พูดใหม่อีกรอบได้ไหม A : Can I borrow your pencil? (แคน ไอ บอโรล ยัว เพ็นซิล) ขอยืมดินสอของเธอหน่อยได้ไหม B : Sure! Yes, you can. (ชัวร์! เยส ยู แคน) ได้อยู่แล้ว ถ้าน้องต้องการให้เพื่อนพูดอีกรอบ สามารถใช้ประโยคอื่นๆได้ เช่น What did you say? (ว้อท ดิท ยู เซย์) Can you repeat that, please? (แคน ยู รีพีท แดท, พลีส) Do you mind repeating it again? (ดู ยู มาย รีพีทติ้ง อิท อะเกน) Could you please repeat it again? (คู้ด ยู พลีส รีพีท อิท อะเกน) |
12. How much is this? : อันนี้ราคาเท่าไหร่
ถ้าน้องๆต้องการถามราคาของที่ต้องการ สามารถถามได้ดังนี้ค่ะ
A : How much is this? (ฮาว มัช อิส ดิส) อันนี้ราคาเท่าไหร่ B : 100 baht (วัน ฮัน เดร็ด บาท) หนึ่งร้อยบาท A : I will buy this. (ไอ วิว บาย ดิส) ฉันซื้ออันนี้ B : Okay. Thank you very much (โอเค แธงค์ คิว เวรี่ มัช) ตกลง ขอบคุณมากค่ะ |
11. May I go to the restroom? : ฉันขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำ
ถ้าน้องๆอยู่ในห้องเรียน และต้องการขออนุญาตคุณครูออกไปเข้าห้องน้ำ น้องๆสามารถพูดได้ดังนี้ค่ะ
A : Excuse me, may I go to the restroom? (เอกซ์คิวส์มี, เม ไอ โก ทู เดอะ เรสท์รูม) ขอโทษค่ะ หนูขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำนะคะ B : Yes, you may. (เยส ยู เม) ครูอนุญาต ไปเข้าห้องน้ำได้ A : Thank you very much (แธงค์ คิว เวรี่ มัช) ขอบคุณมากค่ะ |
10. What time is it? : ตอนนี้เป็นเวลากี่โมง
ถ้าน้องๆต้องการสอบถามเวลาและบอกเวลา
A : What time is it? (วอท ไทม อีส อิท) ตอนนี้เป็นเวลากี่โมง B : It is 9 o'clock. (อิท อีส ไน โอคล็อค) มันเป็นเวลา 9 โมง คำถามเกี่ยวกับเวลาสามารถใช้ประโยคอื่นๆได้ เช่น What is the time? (วอท อีส เดอะ ไทม) - ตอนนี้กี่โมง Could you tell me the time, please? (คูด ยู เทล มี เดอะ ไทม พลีส) - คุณช่วยบอกเวลาฉันได้ไหม ส่วนของการอ่านเวลา แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้ 1. เวลาที่ไม่เกิน 30 นาที ให้เราเริ่มต้นอ่านนาที ตามด้วยคำว่า past และปิดท้ายด้วยชั่วโมง 1.10 อ่านว่า ten past one (เท็น พาส วัน) 1.20 อ่านว่า twenty past one (ทะเวนตี้ พาส วัน) ถ้านาทีที่ 15 ให้ใช้คำว่า quarter แทนการใช้คำว่า fifteen 1.15 อ่านว่า quarter past one (ควอเตอร์ พาส วัน) ถ้านาที่ 30 ให้ใช้คำว่า half แทนการใช้คำว่า thirty 1.30 อ่านว่า half past one (ฮาฟ พาส วัน) 2. เวลาที่เลย 30 นาทีมาแล้ว ให้เราเริ่มต้นอ่านนาทีที่เหลือก่อนจะถึงชั่วโมงถัดไป ตามด้วยคำว่า to และปิดท้ายด้วยชั่วโมงถัดไป 1.40 อ่านว่า twenty to two (ทะเวนตี้ ทู ทู) 1.50 อ่านว่า ten to two (เท็น ทู ทู) ถ้านาทีที่ 45 ให้ใช้คำว่า quarter แทนการใช้คำว่า forty-five 1.45 อ่านว่า quarter to two (ควอเตอร์ ทู ทู) ส่วนของการบอกช่วงเวลา ในภาษาอังกฤษจะใช้แค่ตัวเลขตามที่ปรากฏบนนาฬิกา คือ เลข 1-12 ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้ 1. คำว่า a.m. จะใช้เมื่อเรากำลังบอกช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนจนถึงก่อนเที่ยงวัน (00.01 a.m. - 11.59 a.m.) 2. คำว่า p.m. จะใช้เมื่อเรากำลังบอกช่วงเวลาหลังเที่ยงวันจนถึงก่อนเที่ยงคืน (12.00 p.m. - 11.59 p.m.) |
เช่น 4.50 a.m.
4.50 p.m. 10.20 a.m. 10.20 p.m. |
หมายถึง ตีสี่ ห้าสิบนาที (ช่วงเช้า)
หมายถึง สี่โมง ห้าสิบนาที (ช่วงเย็น) หรือ ในภาษาไทยจะนิยมเขียนว่า 16.50 น. หมายถึง สิบโมง ยี่สิบนาที (ช่วงเช้า) หมายถึง สี่ทุ่ม ยี่สิบนาที (ช่วงกลางคืน) หรือ ในภาษาไทยจะนิยมเขียนว่า 22.20 น. |
9. What do you do? : คุณทำงานอะไร
ถ้าน้องๆต้องการสอบถามว่าทำงานอะไร ทำงานที่ไหนและชอบงานที่ทำหรือไม่
A : What do you do? (วอท ดู ยู ดู) คุณทำงานอะไร B : I am a teacher. (ไอ แอม อะ ทีเชอร์) ฉันเป็นคุณครู A : Where do you work? (แว ดู ยู เวิค) คุณทำงานที่ไหน B : I work at school. (ไอ เวิค แอด สคูล) ฉันทำงานที่โรงเรียน A : Do you like your job? (ดู ยู ไลค ยัว จ็อบ) คุณชอบงานของคุณใช่ไหม B : Yes. I like it very much. (เย็ส ไอ ไลค อิท เว๊รี่ มัช) ใช่ค่ะ ฉันชอบมันมาก คำถามเกี่ยวกับอาชีพสามารถใช้ประโยคอื่นๆได้ เช่น What is your occupation? (วอท อีส ยัว ออคคิวเพชั่น) What is your job? (วอท อีส ยัว จ๊อบ) What do you do for a living? (วอท ดู ยู ดู ฟอร์ อะ ลิฟวิ่ง) What are you doing now? (วอท อาร์ ยู ดูอิง นาว) |
8. What animal do you like? : คุณชอบสัตว์อะไร
การถามเพื่อนๆเกี่ยวสัตว์ที่ชอบ
A : What animals do you like? (ว็อท แอ๊นเนอะเมิลส ดู ยู ไลค) สัตว์อะไรที่คุณชอบ (คุณชอบสัตว์ชนิดไหน) B : I like fish. Do you like fish? (ไอ ไลค ฟิช. ดู ยู ไลค ฟิช) ฉันชอบปลา คุณชอบปลาใช่ไหม B : Yes, I do. (เย็ส ไอ ดู) ใช่ค่ะ (ฉันชอบปลา) ถ้าเพื่อนถามว่าคุณชอบสัตว์ชนิดนี้หรือไม่ ถ้าน้องๆไม่ชอบ ให้น้องๆตอบว่า B : No, I don’t. (โน ไอ ด้อท) ไม่ใช่ค่ะ (ฉันไม่ชอบปลา) |
7. What is your favorite sport? : กีฬาที่ชื่นชอบของคุณคืออะไร
ถ้าต้องการถามว่า กีฬาที่ชอบคืออะไร สามารถถามได้ดังนี้ค่ะ
A : What is your favorite sport? (ว็อท อีส ยัว เฟ็ฝเวอะริท สปอท) กีฬาที่ชื่นชอบของคุณคืออะไร B : My favourite sport is tennis. (มาย เฟ็ฝเวอะริท สปอท อิส เทนนิส) กีฬาที่ชื่นชอบของฉันคือเทนนิส หรือจะถามว่า A : What sport do you like? (ว็อท สปอท ดู ยู ไลค) คุณชอบกีฬาอะไร B : I like golf. (ไอ ไลค กอฟ) ฉันชอบกอล์ฟ |
6. What kind of fruit do you like? : คุณชอบผลไม้ชนิดอะไร
บทสนทนาเกี่ยวกับผลไม้ ว่าคุณชอบผลไม้ชนิดใดบ้าง
A : What kind of fruit do you like? (ว็อท ไคด ออฟ ฟรูท ดู ยู ไลค) คุณชอบผลไม้อะไร B : I like mangoes. (ไอ ไลค แมงโก้) ฉันชอบมะม่วง B: Do you like mangoes? (ดู ยู ไลค แมงโก้) คุณชอบมะม่วงไหม A: No, I don’t. I like apples. (โน ไอ ด้นท ไอ ไลค แอ๊พเพิลส) ไม่ ฉันไม่ชอบมะม่วง ฉันชอบแอปเปิ้ล |
5. Where do you study? : คุณเรียนอยู่ที่ไหน
ถ้าน้องๆต้องการถามเพื่อนว่า เพื่อนเรียนอยู่ที่ไหน หรือเรียนอยู่โรงเรียนอะไร และชอบวิชาอะไร น้องๆสามารถถามและตอบได้ดังนี้ค่ะ
A : Where do you study? (แว ดู ยู สตั๊ดดี้) คุณเรียนที่ไหน B : I study at ………… School. (ไอ สตั๊ดดี้ แอท …………สกูล) ฉันเรียนอยู่ที่โรงเรียน……… A : What grade are you in? (ว็อท เกรด อา ยู อิน) คุณอยู่ชั้นอะไร B : I’m in grade ten. (ไอม อิน เกรด เท็น) ฉันอยู่เกรด 10 (ม. 4) A : What subjects do you like? (ว็อท ซับเจ็คส ดู ยู ไลค) คุณชอบวิชาอะไร B : I like Thai and English. (ไอ ไลค ไทย แอน อิ๊งลิช) ฉันชอบภาษาไทยและภาษาอังกฤษ นอกจากประโยคด้านบนแล้ว ถ้าน้องๆต้องการทราบว่าเพื่อนๆกำลังเรียนอยู่โรงเรียนอะไร น้องๆยังสามารถถามเพื่อนๆด้วยประโยค A : Where are you studying? (แว อา ยู สตั๊ดดิอิง) คุณกำลังเรียนอยู่ที่ไหน B: I’m studying at …….. School. (ไอม สตัํดดิอิง แอ็ท……… สกูล) ฉันกำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียน…… |
4. Nice to see you again. : ดีใจที่ได้เจอคุณอีกครั้ง
ถ้าน้องๆได้เจอกันเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ได้รู้จักและเจอกันในครั้งแรกมาแล้ว และต้องการสอบถามว่าสบายดีไหม
A : Nice to see you again. (ไนซ ทู ซี ยู อะเกน) ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้ง B : You too. How are you? (ยู ทู ฮาว อา ยู) ยินดีที่ได้พบคุณเช่นกัน คุณสบายดีไหม A : I am fine. Thank you, and you? (ไอ แอม ไฟน แธงคิว แอน ยู๊) สบายดี ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ B : I am okay, thank you. (ไอ แอม โอเค แธงคิว) ฉันสบายดี ขอบคุณ สำนวนอื่นๆแทน How are you? และมีความหมายเหมือนกัน How are you doing? (ฮาว อา ยู ดู๊อิง) How are things? (ฮาว อา ธิงส) How is it going? (ฮาว อีส อิท โก๊อิง) สำนวนอื่นๆ แทน Fine. และมีความหมายเดียวกัน Good. (กู๊ด) Great. (เกรท) Not too bad. (น็อท ทู แบด) Happy. (แฮ็พพิ) |
3. Good bye : ลาก่อน
บทสนทนาสำหรับการบอกลา ถ้าน้องๆต้องการบอกลาเพื่อน สามารถพูดได้ดังนี้ค่ะ
A : It was nice to meet you. (อิท ว็อดซ ไนส ทู มีท ยู) มันดีที่ได้พบคุณ /ยินดีที่ได้รู้จักคุณ B : It was nice to meet you, too. Bye. (อิท ว็อดซ ไนส ทู มีท ยู ทู บาย) มันดีที่ได้พบคุณเช่นกัน ลาก่อน A : Good bye. (กูด บาย) ลาก่อน สำหรับการบอกลาทั่วไป น้องๆสามารถใช้ประโยคได้ดังนี้ค่ะ Bye (บาย) = ลาก่อน [ใช้แบบไม่เป็นทางการกับเพื่อนหรือคนสนิท] I have to go (ไอ แฮฟว ทู โก) = ฉันต้องไปแล้ว It is time to go (อิท อีส ไทม ทู โก) = ได้เวลาต้องไปแล้ว Talk to you later (ทอร์ค ทู ยู เลเทอ) = ไว้คุยกันวันหลัง I need to leave now (ไอ นีด ทู ลีฟ นาว) = ฉันต้องไปแล้วนะ Have a nice day (แฮฟว อะ ไนส เด) = ขอให้เป็นวันที่ดี [ใช้พูดเวลากลางวัน] Good night (กูด ไนท) = ราตรีสวัสดิ์ [ใช้พูดเวลากลางคืน] |
2. Where are you from? : คุณมาจากที่ไหน
A : Where are you from?
(แว อา ยู ฟรอม) คุณมาจากที่ไหน B : I am from …….. (ใส่ชื่อประเทศ เช่น Thailand (ไทยแลนด์) = ประเทศไทย) (ไอ แอม ฟรอม ………) ฉันมาจาก ……… ถ้าน้องต้องการถามเพื่อนว่ามาจากประเทศอะไร ก็สามารถถามแบบนี้ได้เช่นกัน A : Where do you come from? (แว ดู ยู คัม ฟรอม) คุณมาจากที่ไหน B : I come from …….. (ใส่ชื่อประเทศ เช่น Thailand (ไทยแลนด์) = ประเทศไทย) (ไอ คัม ฟรอม ………) ฉันมาจาก ……… Note : การถามว่ามาจากประเทศอะไร สามารถถามได้ 2 แบบ และตอบได้ 2 แบบ น้องๆควรจำให้ได้ว่าคำถามแบบไหน ต้องตอบแบบไหนนะคะ |
1. Greeting and introduce : การทักทายและการแนะนำตัวเอง
บทสนทนาสำหรับทักทายเพื่อนๆและแนะนำตัวเอง น้องๆสามารถพูดได้ดังนี้ค่ะ
A: Hello, my name is Nam. (เฮลโล มาย เนม อิส น้ำ) สวัสดี ชื่อของฉันคือน้ำ /ฉันชื่อน้ำ B: Hi, I am Ploy. (ไฮ้ ไอ แอม พลอย) สวัสดี ฉันคือพลอย /ฉันชื่อพลอย A: Nice to meet you. (ไนส ทู มีท ยู) ยินดีที่ได้พบคุณ /ยินดีที่ได้รู้จัก B: Nice to meet you, too. (ไนส ทู มีท ยู ทู) ยินดีที่ได้พบคุณเช่นกัน /ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน |